วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559





วันแม่แห่งชาติ12 สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙






Guiding Light Mom



Mom, from the time I was really young,
I realized I had someone...you,
who always cared,
who always protected me,
who was always there for me no matter what. 



You taught me right from wrong,
and pushed me to do the right thing,
even when it was hard to do.
You took care of me when I was sick,
and your love helped make me well. 



You had rules,
and I learned that when I obeyed them,
my life was simpler, better, richer.
You were and are
the guiding light of my life.
My heart is filled with love for you,
my teacher, my friend, my mother. 


พระคุณของแม่ 


แม่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ค่อยส่องแสงให้ฉันในยอมที่ฉันท้อแท้หมดแรงหมดหวังกำลังใจทุกอย่างก็มีแต่แม่ที่ค่อยให้กำลังใจเสมอมาน้ำนมที่กลั้นออกมาจากเลือดเพื่อให้ลูกได้อิ่มท้องแม่เสียสละหยาดเหงื่อแรงกายเพื่อฉันตั้งแต่เล็กจนโตมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะแม่บางครั้งที่ฉันทำผิดแม่ก็ดุก็ด่าแต่ฉันก็เข้าใจว่าทุกคำพูดที่แม่ด่าคือความหวังดีไม่อยากให้ลูกทำผิดแม่ต้องทำงานหาเงินหาเลี้ยงลูกแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือเพราะแม่คิดว่าอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆเพื่ออนาคตข้างหน้าจะไม่ลำบากรักของแม่นั้นมอบให้ลูกนั้นไม่มีวันสิ้นสุดจะมีใครคอยป้อนข้าวคอยอาบน้ำคอยเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้ฉันยังดีกว่าอีกหลายคนที่เกิดมาแล้วไม่ได้เจอหน้าไม่ได้รับความอบอุ่นจากแม่ฉันทั้งรักทั้งห่วงผู้หญิงคนนี้มากสวยที่สุดในโลกคนคนนั้นก็คือแม่ของฉันเองบางครั้งฉันอาจเคยด่าแม่บ้างตะโกนใส่แม่บ้างทำกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับแม่บ้างฉันของโทษแม่ในสิ่งที่ฉันทำทุกอย่างสิ่งที่ฉันทำมันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นแต่ฉันก็นึกย้อนกลับไปแล้วสิ่งที่แม่ด่าคือความหวังทั้งหมดฉันจึงขออโหสิกรรมสิ่งใดที่ลูกทำผิดสิ่งใดที่ลูกทำไม่ดีลูกก็ขอให้แม่ให้อภัยและต่อจากนี้ไปหนูจะเริ่มใช้ชีวิตใหม่กับแม่ด้วยความเข้าใจและจะพยายามทำทุกอย่างให้แม่ภูมิใจฉันอยากบอกแม่ว่า....ฉันรักแม่






เนื้อหาเอาจากในเว็บต่างๆในอินเทอร์เน็ต



วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประวัตินักฟุตบอลที่น่าสนใจ



ประวัติ ลุยส์ อัลเบร์โต ซัวเรซ ดีอัซ








ซัวเรซ เกิด ณ เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย ไม่นานนักครอบครัวได้ย้ายมาตั้งรกรากที่กรุงมอนเตวิเดโอ ที่นี่เองที่เด็กชายเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของมารดาเพียงลำพัง ร่วมกับพี่น้อง 6 คน ต่อมา ในปี ค.ศ. 2005 ซัวเรซ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรนาซีโอนัลในกรุงมอนเตวิเดโอ สโมสรที่ซัวเรซเล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน เมื่ออายุถึง 19 ปี เขาจึงย้ายสโมสรเป็นครั้งแรกไปสู่สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2006 และย้ายทีมอีกครั้งในปี 2007 ไปยังสโมสรชื่อดัง อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฤดูกาล 2008-09 ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และทำประตูเป็นดาวซัลโวของสโมสร ถึงแม้ว่าจะถูกทำโทษเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม และได้รับถึง 7 ใบเหลืองในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาลนี้ เขายังได้เป็นกัปตันของอายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ยิง 35 ประตู จาก 33 นัด ในลีก ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเนเธอร์แลนด์ ยิงรวมทุกถ้วย 49 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 เขายิงให้อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ครบ 100 ลูก ทำผลงานเทียบชั้นตำนานของสโมสร อาทิ โยฮัน ไกรฟฟ์, มาร์โก ฟัน บัสเติน และแด็นนิส แบร์คกัมป์ แต่ในฤดูกาลนี้มีเหตุการณ์อื้อฉาวคือ ซัวเรซ ไปกัดที่ไหล่ของนักเตะเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน ออตมัน บักกัล และถูกแบน 7 นัด ระหว่างที่ถูกแบนในเดือนมกราคม สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจากประเทศอังกฤษได้ซื้อตัวเขาในมูลค่า 26.5 ล้านยูโร นับแต่การมาของซัวเรซ ลิเวอร์พูลขยับจากอันดับที่ 12 ของตาราง ณ กลางเดือนมกราคม 2011 ไปจบที่อันดับ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลโดยเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล และในฤดูกาลต่อมา เขาก็พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 8 ไปครอง อีกด้วย


ในส่วนของการรับใช้อุรุกวัย ซัวเรซได้เป็นสมาชิกของทีมชุดยู 20 เข้าร่วมแข่งบอลโลก ยู 20 ประจำปี 2007 ในปี 2007 นี้เองซัวเรซได้ลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกเจอกับ ทีมชาติโคลอมเบีย และทำประตูได้ แต่ก็โดนไล่ออกจากสนามเนื่องจากรับ 2 ใบเหลือง ในฟุตบอลโลก ปี 2010 ซัวเรซ มีบทบาทสำคัญในทีมชุดนี้ที่ได้อันดับที่ 4 โดยทำประตูได้ 3 ลูกตลอดการแข่งขัน เขาเรียกตัวเองว่า หัตถ์พระเจ้าจากการแข่งขันรายการนี้ในนัดพบทีมชาติกานา ที่ใช้มือป้องกันประตูช่วยให้ทีมอุรุกวัยผ่านเข้ารอบต่อไป ในปี 2011 ซัวเรซนำทีมชาติอุรุกวัยได้แชมป์โคปาอเมริกา ในการแข่งขันนี้ ซัวเรซได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม และยิงไปถึง 4 ประตู


เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวคนแรกที่เมืองบาร์เซโลนาตั้งชื่อเธอว่าเดลฟีนา